เธอยัง

สองคนหนึ่งใจ

(ฉันคิด) ฐานะอะไร

วันวาเลนไทน์

วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

เปิดตัว หุ่นยนต์สระผม เทคโนโลยีสุดล้ำ


เปิดตัว หุ่นยนต์สระผม  เทคโนโลยีสุดล้ำ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นโชว์ประดิษฐ์เทคโนโลยีสามมิติที่สามารถสระผมให้กับมนุษย์ โดยที่นอนอยู่เฉยมันก็สามารถสระและนวดให้เสร็จสรรพ  ซึ่งหุ่นยนต์สระผมตัวนี้ มีลักษณะคล้ายกับเก้าอี้หมอฟันที่มีอ่างสระผม เคลื่อนไหวด้วย ‘แขน’ ทั้งสองข้างร่วมกับ ‘นิ้วมือ’ 16 นิ้วคอยนวดศีรษะขณะที่ยาสระผมและน้ำพุ่งออกมา
สำหรับแนวคิดการผลิตหุ่นยนต์ตัวนี้คือ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในสถานสงเคราะห์ผู้ป่วยซึ่งมีบุคลากรไม่เพียงพอ อีกทั้งประชากรยิ่งเพื่อสูงขึ้น หากมีเจ้าหุ่นยนต์ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระได้  ทั้งนี้ บริษัทพานาโซนิค ประเทศญี่ปุ่น ได้นำมาแสดงที่งานแสดงสินค้าแห่งหนึ่งในโตเกียว เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนได้เป็นอย่างดี

จัตุรัสแห่งหุ่นยนต์ ROBOSQUARE



โระโบะสแควร์ได้ก่อตั้งขึ้นที่เมืองฟูกุโอกะ ด้วยจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีการสร้างหุ่นยนต์ และเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ โระโบะสแควร์นำเสนอกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ และให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไปในเรื่องของหุ่นยนต์ ด้วยความหวังในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงให้กลายมาเป็นความจริง







ปัจจุบันมหาวิทยาลัยคิวชิวและวาเซดะมีห้องแลบที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์และมีความร่วมมือกับ ROBOSQUARE ซึ่งทั้งสองมหาวิทยาลัย
จะสามารถนำเสนอผลงานการวิจัยของพวกเขาแก่สาธารณะชนได้ที่นี่ในบรรยากาศที่น่าเพลิดเพลินและชวนติดตาม ROBOSQUARE
เป็นประตูเปิดสู่ความรู้และกิจกรรมภาคปฏิบัติต่าง ๆ สำหรับเยาวชนและผู้สนใจทั่วไปที่ต้องการเสาะหาความรู้และความเข้าใจในโลกแห่ง
หุ่นยนต์อันวิเศษสุด ที่นี่ยังมีการจัดเวิร์คช้อปเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับครูที่ต้องการผนวกคอร์สการสร้างหุ่นยนต์
เป็นหนึ่งในคอร์สการศึกษาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียน คุณจะได้ปฏิสัมพันธ์กับหุ่นยนต์ด้วยตัวคุณเองและสัมผัสโลกแห่งอนาคตอันก้าวล้ำ
ของหุ่นยนต์

ที่ตั้ง: 2-3-2 Momochihama, Sawara-ku, Fukuoka.
Tel: +81-92-821-4100
FAX : +81-92-821-4110
เวลาเปิด: 10.00 - 19.00
วันหยุด: ปิดทุกวันพุธที่สองของเดือน (แต่ไม่ปิดในเดือนมกราคม กรกฎาคม และสิงหาคม) ปิด 31 ธันวาคม – 2 มกราคม
ค่าเข้าชม: ฟรี
วิธีไป:
- Fukuoka Airport to Robosquare, 19 minutes by subway and 6 minutes by bus.
- Hakata st. bus center to Robosquare, 25 minutes by bus.
- JR Hakata st. to Robosquare, 30 minutes by bus.
- Fujisaki bus center to Robosquare, 6 minutes by bus.
- Nishitetsu Tenjin bus center to Robosquare, 20 minutes by bus.

อาซิโม หุ่นยนต์สุดล้ำแห่งโลกเทคโนโลยี

โลกแห่งเทคโนโลยีใบนี้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะมนุษย์เราไม่เคยหยุดคิดค้น และทดลองสิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบคำถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้ ถึงทุกวันนี้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากการค้นคว้าและพัฒนาขึ้นมาทั้งนั้น ความชาญฉลาดของมนุษย์เช่นนี้ทำให้เกิดความคิดที่จะสร้างหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2529 โดยได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในที่สุด ความฝันก็กลายเป็นความจริง อาซิโม ASIMO หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ตัวแรกได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2543
          จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ASIMO กลับมาตอกย้ำความสำเร็จและสร้างความตาตื่นใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเด็กๆ วัยซนที่ออกจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้เห็นอาซิโม ในงานถนนเทคโนโลยี เมื่อเร็วๆ นี้
          อาซิโมมีความสามารถหลายอย่าง เริ่มจากการเดิน อาซิโมเดินได้ด้วยเทคโนโลยี i-WALK ที่คอยควบคุมการทรงตัวให้สามารถก้าวเดินได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง แม้ในขณะเปลี่ยนทิศทาง โดยไม่ต้องหยุดชะงัก ทุกส่วนในร่างกายของอาซิโมจะเคลื่อนไหวสัมพันธ์กันในขณะเคลื่อนที่ อาซิโมจึงไม่เสียหลักหรือหกล้ม อาซิโมก้าวเดินขึ้นและลงบันไดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ในลักษณะของเท้าขวาก้าวนำและเท้าซ้ายก้าวตามเป็นจังหวะ ข้อต่อบริเวณหัวเข่าทั้ง 2 ข้างจะย่อลงทำให้อาซิโมสามารถรักษาสมดุลของร่างกาย ในขณะเดินขึ้นลงบันไดได้
          นอกจากจะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงแล้ว อาซิโมยังมีความสามารถในการหลบหลีกเมื่อมีคนเข้าใกล้ โดยกำหนดตำแหน่งผู้ที่เข้าใกล้ผ่านกล้องรับภาพที่ตา ทำให้สามารถคำนวณทิศทาง ความเร็ว ระยะทาง คาดการณ์ความเคลื่อนไหว ของผู้ที่กำลังเข้าใกล้ และเลือกเส้นทางเดินที่เหมาะสม อีกทั้งยังเดินถอยหลังเพื่อเปิดทางให้ผู้อื่นได้ด้วย
          ตามร่างกายของอาซิโมมีข้อต่ออยู่ถึง 34 ตัว จึงทำให้อาซิโมเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ สามารถโน้มตัว หมุนตัว หมุนเท้า กางแขน รวมไปถึงการเต้นเข้าจังหวะเพลง หรือเคลื่อนตัวไปทางด้านข้างในลักษณะการเต้นแบบฮาวายได้ และยังสามารถยกมือขึ้นไหว้และโบกมือทักทายได้เช่นเดียวกับมนุษย์
          เมื่อต้องการวิ่ง เท้าด้านขวาของอาซิโมจะก้าวไปด้านหน้าและตามด้วยเท้าซ้ายในลักษณะที่สมดุลต่อร่างกาย ทำให้สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในระหว่างที่วิ่งนั้นจะมีจังหวะหนึ่งที่เท้า 2 ข้างจะลอยเหนือพื้นเป็นเวลา 0.08 วินาที และเมื่อเท้าสัมผัสพื้น อาซิโมก็ยังสามารถทรงตัวได้ดี เพราะวิศวกรได้ออกแบบให้อาซิโมมีการกระโดดที่แม่นยำสามารถรับการกระแทกขณะถึงพื้นได้ดี ป้องกันการลื่นไถล และทรงตัวขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
          นอกจากเดิน วิ่ง เต้นได้เช่นเดียวกับมนุษย์แล้ว อาซิโมยังถูกออกแบบให้ทำงานในชีวิตประจำวันได้ด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าอาซิโมจะสามารถปิดสวิตช์ไฟ เปิดประตู และเสิร์ฟน้ำได้โดยไม่หกเลย เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ อาซิโมก็ยังหันไปตามเสียงเดินไปหาคนที่เรียกอาซิโม และหยุดเมื่อได้รับคำสั่ง นับเป็นหุ่นยนต์ที่ชาญฉลาดล้ำยุคจริง
          ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะความมุ่งมั่นตั้งใจค้นคว้า และทดลองอย่างต่อเนื่องของทีมวิศวกร ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราบอกกับตัวเองได้อย่างหนึ่งว่า “ไม่มีสิ่งใดที่เกินความพยายามของมนุษย์” อย่างเราไปได้ เชื่อว่าในวันข้างหน้าอาซิโมจะถูกพัฒนาความสามารถ และทำหลายๆ อย่างให้เราได้ทึ่งกันอีกอย่างแน่นอน

เปิดเทคโนโลยี "หุ่นยนต์" ล้ำยุค "อินเตอร์เนชั่นแนล โรบอต 2009"

ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กรุงโตเกียว เมืองหลวงประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมการแสดงหุ่นยนต์นานาชาติครั้งใหญ่ประจำปี ค.ศ.2009 หรือพ.ศ.2552 นั่นคือ งาน "อินเตอร์เนชั่นแนล โรบอต เอ็กซิบิชั่น 2009" มีบริษัทเทคโนโลยีหุ่นยนต์แดนปลาดิบส่งนวัตกรรมใหม่เผยโฉมและประสิทธิภาพให้ชาวโลกยลกันเต็มอิ่ม ไล่ไปตั้งแต่หุ่นยนต์กลุ่มคล้ายมนุษย์ สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตหุ่นยนต์เหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทอย่างสูงในฐานะผู้ช่วยและเพื่อนของมนุษย์ตำแหน่งดาวเด่นของงาน ได้แก่ หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ หรือ ฮิวมานอยด์โรบอต รุ่น "โทปิโอ" (Topio) ยืนด้วยขาสองข้างอย่างมั่นคง และได้รับการตั้งโปรแกรมให้เล่น "ปิงปอง" แข่งกับมนุษย์ได้

สิ่งประดิษฐ์มีชีวิตจากฮาร์ดิสก์เก่า

สิ่งประดิษฐ์มีชีวิตจากฮาร์ดิสก์เก่า



เผยนวัตกรรมใหม่แผ่นฮาร์ดิสก์เก่าสร้างของเล่นมีชีวิตได้กว่า 20 ชนิด  เน้นเป็นสื่อเรียนรู้เพิ่มความเข้าใจวิชาวิทย์ฯเทคโนระหว่างผู้เรียนกับผู้ สอน  พร้อมสนับสนุนเยาวชนฝึกคิดประดิษฐ์ของเล่นใช้เอง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ทีมคณะวิจัยนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์เพื่อการเรียนรู้ สังกัดกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นความสำคัญของการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ จึงได้ประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา มีความรู้ควบคู่จินตนาการ และสร้างเสริมการเรียนรู้ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนให้เข้าใจกันยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเป็นวิชาที่เข้าใจยากให้ง่ายขึ้น ผ่านแผ่นฮาร์ดดิสก์ที่ไม่ใช้แล้วหรือเสีย นำมาประดิษฐ์เป็นของเล่นสำหรับเด็ก  ถ้าพิจารณาชิ้นส่วนหลักในฮาร์ดิสก์ แต่ละตัวจะประกอบด้วย 4-5 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือ แผนวงจรอิเล็กทรอนิกส์  แผ่นฮาร์ดดิสก์ มอเตอร์สำหรับหมุนแผ่นฮาร์ดดิส  หัวอ่านหรือแขนอ่าน และ แม่เหล็กถาวรความร้อนสูง


ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากส่วนประกอบทั้งหมดนำสองส่วนสุดท้ายคือหัวอ่านหรือแขนอ่านและแม่เหล็กถาวร ความร้อนสูงนำมาเช่ือมต่อแบบอนุกรมกันเพื่อให้ขดลวดที่อยู่ในหัวอ่านทำปฎิ กิริยาให้เกิดสนามแม่เหล็ก ส่งแรงไปดึงพลังงานหรือผลักดันร่วมกับสนามแม่เหล็กของแม่เหล็กถาวรทำให้ชิ้น ส่วนดังกล่าว เคลื่อนที่ไปมาได้ตามความแรงของกระแสไฟฟ้าที่ป้อนเข้าไปยังขดลวด  จึงสามารถนำไปเป็นกลไกที่บังคับด้วยไฟฟ้ากับงานต่าง ๆ ได้หลายชนิดช่วยให้ของเล่นธรรมดากลายเป็นของเล่นที่มีชีวิต สามารถขยับไปมาได้


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกด้วยว่า นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ของเล่นดังกล่าวช่วยส่งเสริมให้การเรียนระหว่างผู้ เรียนกับผู้สอนเข้าใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณิตศาสตร์  ที่ช่วยส่งเสริมให้เยาวชนเกิดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาก ขึ้น  ฝึกคิดฝึกปฎิบัติ ทดลองประดิษฐ์คิดค้นของเล่นต่างๆ จากฮาร์ดดิสก์ที่เสียหรือชำรุดมาสร้างประโยชน์ใหม่ที่มีคุณค่า  มากกว่าการนำทิ้งขว้างหรือไปขายเป็นเศษเหล็กที่มีค่าเพียง 50 - 80 บาท จากท่ีราคาตัวละ 2- 3 พันบาท ซึ่งถ้านำไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ไม่เผาหรือหลอมละลาย จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ แม้ว่าจะเล็กน้อยแต่ถ้าใช้งานกันเป็นวงกว้างจะก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้น กับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม  ทั้งนี้ อุปกรณ์สำคัญในฮาร์ดดิสก์ที่ถอดแล้ว ประกอบด้วยขดลวดที่ติดอยู่กับแขนอ่านและแม่เหล็กถาวรคุณภาพสูง  สามารถนำไปประดิษฐ์เป็นของเล่น เครื่องมือ  เครื่องใช้ได้มากกว่า  20  ชนิด สร้างให้นักประดิษฐ์รุ่นเยาวชนได้เกิดจินตนาการ ความร่วมมือของหมู่คณะ  หรือ เกิดเป็นเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับใช้ทดลองในห้องเรียนสำหรับรุ่นต่อ ๆ ไป

นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ แว่นวีดิโอ-วิทยุฉุกเฉิน-ตู้ไฮเทค


แว่นวีดิโอ

คริสเตียน แม็คโดนัลด์ กรอฟฟ์ สาธิต การใช้งานแว่นกัน หิมะ  ผลิตโดยลิควิดอิมเมจ โดยแว่น ดังกล่าวเป็นทั้งกล้องถ่ายวีดิโอและกล้องถ่ายภาพนิ่งคุณภาพ สูง คาดวางจำหน่ายปลายเดือนนี้ ราคา ประมาณ 400 เหรียญ สหรัฐฯ (ราว 12,000 บาท).



หวังพึ่งสเต็มเซลล์

ภาพจากแฟ้มของบริษัทแอดวานซ์ เซลล์ เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพในอเมริกา ล่าสุดมีข่าวจากทางรัฐบาลว่าจะให้เริ่มทดลองขั้นที่สองในการใช้เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนของมนุษย์ รักษาอาการตาบอดในผู้สูงวัย การทดลองจะตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยในการบำบัดให้แก่ผู้ที่มีปัญหาอาการเสื่อมที่มีจุดในดวงตา ทำให้คนอายุกว่า 60 ปี ที่ประสบปัญหานี้ส่วนใหญ่ตาบอด ปัจจุบันยังเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ อเมริกันชนราว 10-15 ล้านคน และยุโรปอีก 10 ล้านคน ประสบปัญหานี้.



วิทยุฉุกเฉิน

บริษัทอีตั้นซึ่งเป็นโคแบรนด์ของโรเวอร์ เผยโฉมวิทยุฉุกเฉินใช้มือหมุน ใช้เป็นไฟฉายก็ได้ และเป็นที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ด้วย ที่งานอินเตอร์เนชั่นแนลคอนซูมเมอร์อิเล็กทรอนิกส์โชว์ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา.



ตู้ไฮเทค

ตู้เสื้อผ้าตามแนวคิดใหม่ของแอลจี มีชื่อว่า "เดอะ แอลจี สไตเลอร์" ใช้ไอน้ำในการขจัดรอยยับย่น ขจัดกลิ่นอับ ฆ่าเชื้อ และยังเป็นตู้อบผ้าอย่างอ่อนๆด้วย คาดว่าจะมีจำหน่ายในเกาหลีใต้ในเดือนหน้า สนนราคาไม่ถึง 2,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 60,000 บาท) และวางแผนเข้าตลาดสหรัฐอเมริกาในปีหน้า

15 สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ในรอบ 50 ปี

1. พลังงานนิวเคลียร์ จุดกำเนิด : อังกฤษ พ.ศ.2499 นับแต่มีการค้นพบปฏิกิริยา นิวเคลียร์ฟิชชั่น ในยุคคริสต์ศตวรรษ 1930 นักวิทยาศาสตร์ตระหนักถึงความเป็นไปได้ในการผลิต พลังงานนิวเคลียร์และสามารถประดิษฐ์คิดค้นได้สำเร็จ ในปีค.ศ.1956 หรือ พ.ศ.2499 โรงงานพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของโลกก็เดินเครื่องท ี่เมืองคาลเดอร์ ฮอลล์ ประเทศอังกฤษ แต่เหตุการณ์โรงงานนิวเคลียร์ "เชอร์โนบิล" ของโซเวียตระเบิด ทำให้โลกถกเถียงกันอย่างหนักถึงผลดี-ผลเสียของการใช้พลังงานชนิดนี้ และปัจจุบันมีการใช้กันมาก

2. ดาวเทียม เกิดขึ้นครั้งแรก : สหภาพโซเวียต
พ.ศ.2500 ทันทีที่ดาวเทียม "สปุตนิก" ของโซเวียตถูกส่งออกไปนอกโลกเมื่อปี 2500 การแข่งขันด้านอวกาศระหว่าง 2 ชาติยักษ์ใหญ่ สหรัฐอเมริกากับโซเวียต ก็เปิดฉากเป็นทางการและบีบบังคับให้สหรัฐต้องส่ง "นีล อาร์มสตรอง" ไปเหยียบดวงจันทร์ในอีกประมาณ 10 กว่าปีต่อมา ดาวเทียมมีประโยชน์มากมาย ทั้งการสื่อสารไร้พรมแดน การสำรวจทรัพยากรโลกและอื่นๆอีกมากมาย

3. เลเซอร์ ผู้ประดิษฐ์ : ธีโอดอร์ ไมแมน พ.ศ.2503
เลเซอร์ ถือกำเนิดมาจากทฤษฎีทางฟิสิกส์ของ "อัลเบิร์ต ไอนสไตน์" อธิบายหลักการปล่อยโฟตอนโดยการกระตุ้นอะตอม เพราะในการเกิดการปล่อยโฟตอนดังกล่าวจะทำให้เกิดความ เข้มแสงเพิ่ม ซึ่งเป็นหลักการของเลเซอร์โดยทั่วไป เทคโนโลยีเลเซอร์หลุดจากโลกนิยายกลายเป็นความจริง เมื่อ "ธีโอดอร์ ไมแมน" นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการวิจัยของบริษัทฮิว ส์ สหรัฐอเมริกา ลงมือสร้างเลเซอร์เครื่องแรกของโลกสำเร็จ มีความยาวคลื่น 694.3 nm ทุกวันนี้เลเซอร์นำไปใช้กับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การทหาร การแพทย์ หรือแม้แต่ความบันเทิง เช่น การผลิตและการอ่านแผ่นซีดีเพลง เป็นต้น

4. เอทีเอ็ม จุดเริ่มต้น : ธนาคารบาเคลยส์ พ.ศ.2510
ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นคนประดิษฐ์เครื่องทำธุร กรรมการเงินอัตโนมัติ หรือ
เอทีเอ็ม เครื่องแรก แต่มีการขอจดสิทธิบัตรสร้างตู้เอทีเอ็มราวๆ 70 ปีก่อนโดยนักประดิษฐ์อเมริกัน ตู้เอทีเอ็มเครื่องแรกของโลกเปิดให้บริการโดยธนาคารบ าเคลย์ส (Barclays) กรุงลอนดอน อังกฤษ ในปี 2510 ถือเป็นก้าวแรกของการทำธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่นำไปสู่การคิดค้นเทคโนโลยีรหัสรักษาความปลอดภัย (PIN) รวมทั้งการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต

5. แผ่นซีดี ผู้ประดิษฐ์ : คลาสส์ คอมพานน์ พ.ศ.2512
ปี 2512 คลาสส์ คอมพานน์ นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ลูกจ้างบริษัทฟิลิปส์เสนอแนวคิดสร้างแผ่นออพติคัลดิส ก์ หรือแผ่นซีดี เพื่อนำมาใช้เก็บข้อมูลเสียงเพลงอย่างคงทนถาวรในรูปแ บบไฟล์ดิจิตอลแทนที่การบันทึกลงแผ่นไวนิล ผู้ผลิตแผ่นซีดีผลิตออกสู่ท้องตลาดจริงๆ ในปี 2525 คือฟิลิปส์กับโซนี่จับมือกันพัฒนาซีดีขึ้นมา จนปัจจุบันได้กลายเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีคนนิยมใ ช้มากที่สุดในโลก

6. บาร์โค้ดผู้ประดิษฐ์ : นอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ พ.ศ.2515
นอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ เริ่มคิดค้นบาร์โค้ดมาตั้งแต่สมัยศึกษาอยู่ที่มหาวิท ยาลัยฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา เมื่อมาทำงานที่บริษัท ไอบีเอ็ม จึงเริ่มคิดค้นอย่างจริงจัง วัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบ จำแนกสินค้าอัตโนมัติ และในปี 2515 ก็สามารถนำเอาความก้าวหน้าด้านคอมพิวเตอร์กับแสงเลเซ อร์มาพัฒนาบาร์โค้ดจนสำเร็จ

7. โทรศัพท์มือถือ ผู้ประดิษฐ์ : มาร์ติน
คูเปอร์ พ.ศ.2516 พื้นฐานการสร้างเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไร้สาย หรือ มือถือ มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 1940 (พ.ศ.2483) แต่ต้องใช้เวลาต่อมาอีกหลายสิบปี มาร์ติน คูเปอร์ ถึงจะสามารถประดิษฐ์มือถือเครื่องแรกของโลกให้กับบริ ษัทโมโตโรลา การใช้งานมือถือขยายตัวไปทั่วโลกเพราะความก้าวหน้าขอ งเทคโนโลยีจีเอสเอ็มที่ใช้กันแพร่หลายมากกว่า 80 ประเทศ ประกอบกับราคามือถือถูกลงเรื่อยๆ ขณะที่การใช้งานหลากหลายขึ้น ทั้งบริการเอสเอ็มเอส วิดีโอโฟน อี-เมล ถ่ายภาพดิจิตอล ฯลฯ

8. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) พ.ศ. 2520พลันที่ "ซิลิคอนชิป" ถือกำเนิดขึ้น "เทคโนโลยีสมองกล" ที่เรียกว่า "
คอมพิวเตอร์" ก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เมื่อ 40 ปีก่อน คอมพิวเตอร์ 1 เครื่องมีขนาดพอๆ กับสำนักงาน 1 แห่ง และแล้วปี 2520 พีซีขนาดตั้งโต๊ะเครื่องแรก "แอปเปิล II" ก็เผยโฉมขึ้น ตามด้วยพีซีสมรรถภาพสูง "IBM 5150" ของไอบีเอ็มที่ออกวางตลาดปี 2524 จากนั้นอีก 2 ปีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ของไมโครซอฟท์จะช่วยให้พีซีระบาดไปทั่วโลกเพราะใช้งา นง่ายและสะดวกสบาย

9. ยานวอยเอเจอร์ องค์การที่ประดิษฐ์ : นาซ่า พ.ศ. 2520
การประดิษฐ์ยานอวกาศเพื่อเก็บข้อมูลระยะไกลนั้น เป็นเวลากว่า 30 ปี ยานอวกาศ "วอยเอเจอร์ 1-2" ขององค์การอวกาศสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากปลายสุดของระบบสุริยะจักรวาลส ่งตรงกลับมายังฐานนาซ่าบนโลกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ยูเรนัส และเนปจูนสำเร็จ

10. เด็กหลอดแก้ว
ผู้ประดิษฐ์ : แพทริก สเต็ปโท-โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ พ.ศ.2521 แพทริก สเต็ปโท นักสรีรวิทยา และโรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ นรีแพทย์ ร่วมมือกันคิดค้นวิธีการผสมเทียมโดยนำอสุจิกับไข่ของ มนุษย์มาผสมเทียมในหลอดแก้วเพื่อให้ปฏิสนธิมนุษย์นอก ครรภ์มารดา การทดลองล้มเหลว 80 ครั้ง ในที่สุดปี 2521 วิธีผสมเทียมของทั้ง 2 คนก็ให้กำเนิดเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลก หลังจากหนูน้อย "หลุยส์ บราวน์" ร้องอุแว้ในห้องคลอด ณ เมืองโอลด์แฮม ประเทศอังกฤษ

11. หัวใจเทียม ผู้ประดิษฐ์ : โรเบิร์ต ยาร์วิก พ.ศ.2525
มนุษย์เกิดมาต้องตายและต้องตายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงถ้า "หัวใจ" หยุดเต้น แต่นักประดิษฐ์เครื่องมือผ่าตัด "โรเบิร์ต ยาร์วิก" ไม่ยอมรับกฎธรรมชาติข้อนี้ และสร้าง "หัวใจเทียม" ให้คณะแพทย์มหาวิทยาลัยยูทาธ์ สหรัฐอเมริกา นำไปผ่าตัดให้กับ "นายบาร์นีย์ คลาร์ก" ซึ่งมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก 112 วันหลังผ่านการผ่าตัด ทุกวันนี้หัวใจเทียมช่วยยืดชีวิตคนไข้ที่รอการเปลี่ย นหัวใจจำนวนนับไม่ถ้วน

12. นาโนเทคโนโลยี ผู้ประดิษฐ์ : เอริก
เดร็กซ์เลอร์ พ.ศ.2529 เอริก เดร็กซ์เลอร์ นักวิทยาศาสตร์อเมริกันบัญญัติคำว่า "นาโนเทคโนโลยี" ครั้งแรกปี 2529 เพื่ออธิบายวิสัยทัศน์ของ "ศ.ริชาร์ด ฟายน์แมน" เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ซึ่งวาดภาพการใช้วิธีจัดเรียง "อะตอม" ของสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาสร้างสิ่งประดิษฐ์ขนาดจิ๋ว ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ คอมพิวเตอร์ เครื่องยนต์ ฯลฯ ปัจจุบันนาโนเทคฯ ค่อยๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมนุษย์แล้วในรูปแบบผลิต ภัณฑ์ต่างๆมากมาย

13. เทคโนโลยี WWW
ผู้ประดิษฐ์ : ทิม เบอร์เนอร์ส ลี พ.ศ.2534 โครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันเริ่มเป็นรูปเป็ นร่างตั้งแต่ 30 ปีก่อน แต่บุคคลที่ทำให้อินเตอร์เน็ตกลายเป็นเทคโนโลยีประจำ บ้านสำหรับประชากรโลก คือ ทิม เบอร์เนอร์ส ลี โปรแกรมเมอร์อังกฤษ ผู้คิดโปรแกรมสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตแบบไฮเปอร์เท็กซ์ (World Wide Web : WWW) ขึ้นมาจนสามารถนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์เชื่อมคอมพิวเตอร ์ทั่วโลกเข้าด้วยกันได้ในปี 2534

14. แกะโคลนนิ่งดอลลี่ ผู้คิดค้น : เอียน วิลมุต พ.ศ.2540 ปี
2540 เอียน วิลมุต นักวิจัยสถาบันโรสลิน เอดินบะระ สกอตแลนด์ สร้างแกะโคลนนิ่ง ตัวแรกของโลกพร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่า "ดอลลี่"
"
ดอลลี่" เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลกที่สร้างโดยกระ บวนการคัดลอกแบบทางพันธุกรรม (โคลนนิ่ง) ด้วยการสกัดเอานิวเคลียส ในไข่ของแกะเพศเมียออก และสอดเอาเซลล์ร่างกาย ของแกะที่ต้องการสร้างเข้าไปแทนที่ จุดประกายความหวังในการสร้าง "มนุษย์โคลนนิ่ง" ท่ามกลางเสียงทักท้วงในโลกตะวันตกว่าหน้าที่สร้างสิ่ งมีชีวิตเป็นของพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์

15. โครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ พ.ศ. 2546โครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์
เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนในสห รัฐ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งใจถอดรหัสการจัดเรียงตัวของ "ดีเอ็นเอ" หรือ หน่วยพันธุกรรม 3 พันล้านตัวอักษร กระทั่งประสบความสำเร็จในเดือนเม.ย. 2546 ช่วยให้แพทย์และนักวิทยาศาสตร์เข้าใจการทำงานของร่าง กายคนเราอย่างลึกซึ้งที่สุดในประวัติศาสตร์